ประเทศไทยของเรานั้น มีสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นเอกราชและอิสระนั่นก็คือช้าง และช้างนั้นก็เปรียบเสมือนสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาทั้งในการทำศึกสงครามต่างๆ รวมไปถึงเป็นยานพาหนะในการเดินทางอีกด้วย พูดถึงช้างแล้วเด็กๆก็น่าจะเคยได้ยินในภาพยนต์อนิเมชั่น เรื่อง ก้านกล้วย มาบ้างแล้วซึ่งเนื้อเรื่องจะบอกเล่าความเป็นมาของช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งที่ทำสงครามยุทธหัตถีและหลายๆคนก็มีความเข้าใจผิดว่าช้างพระที่นั่งชื่อ ก้านกล้วยจริงๆ
แต่แท้จริงแล้วช้างพระที่นั่งของพระนเรศวรนั้นชื่อ “พลางภูเขาทอง” แต่ที่ตั้งว่าก้านกล้วยนั่นก็เพราะว่าอยากให้เนื้อเรื่องในภาพยนต์นั้นมีความน่ารัก และ สดใส มากขึ้นเท่านั้นเอง . . .
ย้อนกลับไปตอนก้านกล้วยยังเด็ก ก้านกล้วยนั่นได้กำพร้าพ่อ เพราะพ่อของก้านกล้วยนั่นได้ตายในสงครามทำให้ก้านกล้วยต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่ของเขาที่ชื่อ แสงดา และโขลงช้างตัวอื่นๆ แต่ด้วยอยู่กับแม่ จึงทำให้ก้านกล้วยมีนิสัยที่ตุ้งติ้ง ขี้กล้ว ไม่เหมือนพลายช้างตัวอื่นๆ ก้านกล้วยอยากรู้ว่าพ่อของเขาคือใครจึงแอบหนีออกจากบ้านไปตามหาความจริง ระหว่างทางเขาก็เจอกับอุปสรรคต่างๆมากมาย จนไปเจอกับ สิงขร พลายช้างที่รบคู่กับพ่อของก้านกล้วย เขาก็ได้ให้คำสอนกับก้านกล้วยว่า “สำหรับนักรบ มันไม่สำคัญหรอก ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่า การตายของเรา ได้สร้างประโยชน์อะไรไว้ให้กับแผ่นดินบ้าง ถึงภูผาจะตายไป แต่ความกล้าหาญของเขาก็ยังอยู่จนถึงวันนี้” ก้านกล้วยฟัง แล้วเอากลับไปคิด และตอนนั้นเขาก็โตขึ้นแล้ว ทำให้เขามีความกล้าหาญและไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคต่างๆที่เขาเจอ จนทำให้เขาได้ล้มช้างหงสาได้เกือบหมดแล้ว
แต่มาวันนึงเขาได้รบกับ เจ้าช้างงวงแดง (พลายพันธกอ) เป็นช้างที่ไม่เคยรบแพ้ใครเพราะด้วยร่างใหญ่ยักษ์ของมัน และดวงตาอันดุดัน เขา คือ ขุนศึกแห่งหงสาวดี เคยผ่านศึกสงครามมาแล้วนับไม่ถ้วน ด้วยความโหดเหี้ยม ไร้ความปราณี ทำให้เขาเป็นเหมือน เพชฌฆาตบนสมรภูิรบ นั่นเอง
แต่ก้านกล้วยก็เอาชนะมาได้ จึงทำให้ก้านกล้วยได้เป็นช้างพระที่นั่งของพระนเรศวรในที่สุด ระหว่างนั้นก้านกล้วยตั้งใจฝึกซ้อมรบอย่างสุดกำลังของเขาและเขาก็เป็นช้างที่แข็งแกร่งมาก จนไม่มีใครสามารถล้มเขาได้แต่มาวันนึง ก็มีช้างงวงแดง ตาดุดันปรากฏขึ้น เขาเดินมาด้วยความโกรธแล้วพูดกับก้านกล้วยว่า ช้างศึกที่แกได้ฆ่าในศึกยุทธหัตถีครั้งก่อนมันคือพ่อของฉันแล้วทั้งสองก็ต่อสู้กันจนงาของงวงแดงไปแทงเข้ากับเสาหินพอเขาเอางวงออกมาได้เสาหินก็ล้มทับตาย เมื่อผ่านศึกครั้งนั้นมาได้หงสาก็พ่ายแพ้ต่อศึก ทำให้เมืองอยุธยากลับมาน่าอยู่อีกครั้ง . . .