ถ้าพูดถึงสาวผมส้มแห่งโลกวันพีซ แน่นอนว่าแฟนวันพีซต้องนึกถึง แมวขโมยนามิ ต้นหนเรือคนสวยของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ซึ่งก่อนหน้าที่เธอจะเข้าร่วมกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง เธอนั่นเกลียดโจรสลัดอย่างมาก โดยวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเรื่องราวของสาวน้อยตัวแสบที่ดูบอบบาง เจ้าเล่ห์ แต่แท้มีจิตใจที่เข้มแข็งมากๆ
โดยในตอนเด็กนามินั้นกำพร้าพ่อแม่จากสงคราม แต่ถูกรับเลี้ยงไว้โดยเบลเมล ทหารเรือหญิง พร้อมกับโนจิโกะ พี่สาวบุญธรรมของนามิ ซึ่งหลังจากเบลเมลรับโนจิโกะและนามิมาเป็นลูกบุญธรรม เธอก็ลาออกจากการเป็นทหารเรือ เพื่อจะได้เลี้ยงทั้งสองให้ดีและมีความสุขที่สุด
แต่แล้ววันหนึ่ง กลุ่มโจรสลัดอารองก็มายึดหมู่บ้านโคโคยาชิ ที่ทั้งสามอาศัยอยู่ โดยอารองรีดไถทุกคนในเกาะ โคโคยาชิโดยทุกคน ต้องจ่ายเงินภาษีให้อารอง เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
เบลเมลนั้นซึ่งไม่สามารถจ่ายภาษีไหว แต่ก็ไม่สามารถบอกว่า นามิ และ โนจิโกะ ไม่ใช่ลูกของเธอ เพราะเธอสนิทสนมกับทั้ง 2 จนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันไปแล้ว เลยไม่สามารถจ่ายภาษีให้อารองเพียงพอ เลยโดนอารองทำตัวอย่างให้คนอื่นๆและชาวเมืองได้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ไม่ยอมจ่ายเงินให้อารองเพียงพอ หรือไม่ยอมจ่ายเงินให้ ซึ่งเบลเมลนั้นก็ต้องโชคร้ายอย่างมากและโดนอารองนั้นยิงปืนใส่จนเสียชีวิตไป ซึ่งเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาของทั้ง นามิ และ โนจิโกะ
อาราองได้เห็นฝีมือการเขียนแผนที่ของนามิ ก็จับตัวนามิไปให้มาเป็นพวกเดียวกับกลุ่มอารอง และยังให้ข้อเสนอนามิอีกว่า ถ้าหากเธอสามารถนำเงิน 100 ล้านเบรี มาให้เขาได้ก็จะยอมปล่อยให้หมู่บ้านโคโคยาชิของนามิเป็นอิสระ นามิเลยตัดสินใจใช้ชีวิต 8 ปี เพื่อเขียนแผนที่ให้อารองและหาเงิน 100 ล้านเบรีโดยการไปขโมยจากโจรสลัดกลุ่มอื่นมาให้อารองนั่นเอง
หลังจากที่นามินั้นได้ไปเจอ ลูฟี่ ที่เมือง โอเรนจ์ ทาวน์ และได้เข้ากลุ่มของลูฟี่อย่างชั่วคราวเพื่อที่จะได้เอาสมบัติและเงินต่างๆมา ให้อารอง จนนามิได้ไมาเจอลูฟี่ได้ร่วมกันช่วงหนึ่งจนมาถึง บาราตีเอ้ ภัตตาคารลอยทะเล นามิก็ตัดสินใจขโมยเรือและสมบัติของลูฟี่มาที่ อารอง ปาร์ค
นามินั้นขาดสมบัติอยู่เพียง 7 ล้านเบรี เธอก็จะสามารถซื้อหมู่บ้าน โคโคยาชิคืนจากอารองได้แล้ว แต่ที่อารองก็ได้วางแผนให้ทหารเรือไปขโมยเงินของนามิ เพื่อที่อยากจะให้นามิอยู่กับกลุ่มอารองต่อไปโดยที่เขาไม่เสียสัญญาที่ให้ ไว้กับเธอ
ซึ่งการกระทำนั้นก็ทำให้นามิโกรธและเสียใจมากจนใช้มีดแทงรอยสักสัญลักษณ์กลุ่มอารองไปที่แขนของตน แต่ลูฟี่ก็ตามมาที่อารอง ปาร์ค จนได้รู้เรื่องราวต่างๆนั้นก็ตัดสินใจที่จะช่วยนามิ จนสามารถโค่นกลุ่มอารองลงไปได้ในที่สุด
หลังจากที่ปราบกลุ่มอารองสำเร็จแล้ว ลูฟี่ก็ชวนนามิมาเป็นพวกพ้องของตนอีกครั้ง โดยนามิตอบตกลงจะเข้าร่วมกลุ่มลูฟี่ และเธอนั้นก็ได้สักที่แขนของเธอแทนสัญลักษณ์ของกลุ่มอารอง ซึ่งก็คือสัญลักษณ์ ส้ม ที่มาจากต้นส้มของ เบลเมล นั่นเอง ซึ่งก็ได้ก่อนออกเดินทาง เธอก็ได้ลาจากกับทุกๆคนในหมู่บ้านโคโคยาชิ พร้อมกับการขโมยนาฬิกาทุกๆคนไป โดยรับตำแหน่งเป็นต้นหนเรือของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง และเพื่อทำตามความของเธอก็คือการได้เขียนแผนที่รอบโลกนั่นเอง
หลังจากเดินทางผ่านการผจญภัยต่างๆ นามิก็ถูกจัดว่า3คนผู้อ่อนแอของกลุ่มโดยมีเธอ อุซป และช็อปเปอร์ ด้วยความที่เธอไม่อยากรู้สึกเป็นตัวถ่วงของกลุ่ม จึงได้ขอให้อุซปช่วยประดิษฐ์สิ่งของที่จะช่วยให้เธอป้องกันตัวหรือต่อสู้กับศัตรูได้บ้าง อุซปก็ได้ประดิษฐ์กระบองคุริมะ ซึ่งในตอนแรกนามิก็ยังใช้ไม่คล่องและยังไม่คุ้นเคย แต่ภายหลังก็ใช้ต่อสู้จนสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามได้
นามิได้ถูกตั้งค่าหัวครั้งแรกจากการที่กลุ่มหมวกฟางเป็นกลุ่มที่ไปทำลายเอนิเอส ล็อบบี้ ที่เป็นฐานของรัฐบาล โดยนามิสามารถจัดการกับแคลิเฟอร์ 1 ใน CP9 ผู้รับใช้รัฐบาลโลก ซึ่งเธอก็ได้ฉายาว่า “แมวขโมย” เพราะเธอนั้นเชี่ยวชาญเรื่องการขโมยอย่างมาก
จนกระทั่งกลุ่มหมวกฟางได้เดินทางมาถึงหมู่เกาะชาบอนดี้ โดยแยกย้ายกันแล้วนัดหมายว่าจะมาเจอกันในอีก3วัน และลูฟี่ที่ได้เห็นเผ่ามังกรฟ้าทำร้ายเพื่อนของตนก็โกรธมากจึงชกไปที่หน้าของเผ่ามังกรฟ้าอย่างแรง
การกระทำของลูฟี่ทำให้พลเรือเอกมาตามล่ากลุ่มหมวกฟาง แต่กลุ่มหมวกฟางก็ถูกพลังของบาโธโลมิว คุมะ ส่งให้ลอยไปสถานที่ที่อยากไปโดยจิตใต้สำนึกที่ฝังลึกของแต่ละคน โดยที่ที่นามิถูกส่งไปคือ เกาะแห่งท้องฟ้าขนาดเล็กที่ชื่อว่า เวเทอเรีย ซึ่งเป็นเกาะแห่งการควบคุมสภาพอากาศ
หลังจากที่นามิฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าตนอยู่ที่ไหน และได้เห็นข่าวการตายของเอส ผู้เป็นพี่ชายของลูฟี่ เธอก็หาทางกลับไปตามนัดหมายที่หมู่เกาะชาบอนดี้ทันที แต่ไม่นานก็มีการส่งสารจากลูฟี่ถึงกลุ่มหมวกฟางว่า เลื่อนการนัดหมายจาก3วัน เป็น2ปี เธอจึงทำตามคำสั่งของลูฟี่ผู้เป็นกัปตัน โดยการอยู่ที่เกาะเวเทอเรียต่อเพื่อฝึกฝนและศึกษาเกี่ยวกับสภาพอากาศ ก่อนจะเดินทางสู่นิวเวิลด์ในอีก2ปี
เมื่อผ่านมาสองปี ทุกคนในกลุ่มหมวกฟางก็มารวมตัวกันพร้อมความความแข็งแกร่ง และแน่นอนว่านามิเองก็สามารถนำความรู้เกี่ยวกับสภาพอากาศที่มีมาประยุกต์เพื่อป้องกันและต่อสู้กับศัตรูได้